การซื้อโทรศัพท์มือถือให้กับเด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ขวบ

ความแตกต่างของนักเรียนโรงเรียนเอกชนและรัฐบาลกับค่านิยมของการซื้อโทรศัพท์มือถือให้กับเด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ขวบ

เดี๋ยวนี้ไม่ว่าเราจะหันไปมองทางไหนก็มีแต่คนใช้โทรศัพท์มือถือกันเต็มไปหมด ตั้งแต่เด็กเล็กจนถึงคนสูงอายุ ต่างก็มีโทรศัพท์มือถือเป็นของตัวเองกันทั้งนั้น ก่อนหน้านั้นหลายฝ่ายได้ออกมาบอกผลเสียสำหรับการปล่อยให้บุตรหลานของเราใช้งาน

ซึ่งผลเสียนั้นมีมากมายทั้งเรื่องการเสียการเรียนเพราะเด็กที่มีมือถือมักจะติดเล่นเกมในมือถือ ทำให้ไม่ตั้งใจเรียน และบางคนเข้าไปใช้งานอินเตอร์เน็ตโดยเข้าไปเปิดยูทูปดูซึ่งมีทั้งเรื่องการใช้ภาษาที่ไม่เหมาะสมรวมถึงการที่มีภาพลามกอนาจรเต็มไปหมด

ซึ่งการดูจากมือถือจะแตกต่างจาการดูผ่านทางทีวี

เพราะหากบุตรหลานของเราดูภาพเหล่านี้ผ่านทางมือถือ เราในฐานะผู้ปกครองแทบจะไม่รู้เรื่องเลยเพราะเด็กๆมักจะแอบดูโดยที่เราไม่รู้เรื่อง ทำให้เด็กหลายคนเสียคนและชอบพูดคำหยาบเพราะว่าติดมาจากการดูผ่านโทรศัพท์มือถือนั้นเอง ซึ่งหลายคนก็ออกมาบอกว่าจะไม่ซื้อโทรศัพท์มือถือให้ลูกใช้งานอย่างเด็ดขาดจนกว่าจะขึ้นชั้นมัธยม แต่ปัจจุบันยุคสมัยเปลี่ยนไป ค่านิยมในการใช้โทรศัพท์มือถือก็เปลี่ยนไปเช่นกัน

จะเห็นได้ว่าในสังคมของโรงเรียนในปัจจุบันที่เป็นโรงเรียนเอกชน ที่นักเรียนและผู้ปกครองสามารถทำอะไรได้สะดวกและง่ายกว่าโรงเรียนของรัฐบาลจะมีค่านิยมในการซื้อโทรศัพท์มือถือให้กับลูกกันมากขึ้นโดยผู้ปกครองจะให้เหตุผลว่าเอาไว้สำหรับติดต่อลูกหลานเวลาที่มีเรื่องฉุกเฉินหรือเอาไว้ติดต่อในตอนเย็นที่ต้องขับรถมารับจะได้สามารถโทรนัดแนะกันได้ว่าจะไปจอดรถรอลูกอยู่ตรงจุดไหนหรือให้ลูกเดินมาหาที่ไหน

ใกล้จะไปรับหรือยัง หรือไปรับช้าก็จะได้สามารถบอกอีกฝ่ายให้รับรู้ได้ และสำหรับค่านิยมการให้โทรศัพท์มือถือกับลูกใช้ยังลามไปถึงราคาของโทรศัพท์มือถืออีกด้วยเพราะ เด็กที่เรียนอยู่ในโรงเรียนเดียวกันเพียงแต่เรียนกันคนละแผนก ราคาโทรศัพท์มือถือก็ไม่เท่ากันแล้ว

อย่างเช่นโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งมีแบ่งเกรดนักเรียนเป็นเรียนแผนกสามัญ เรียนแผนกสามภาษา และเรียนแผนกอินเตอร์  เราจะสามารถเห็นความแตกต่างในเรื่องของการมีโทรศัพท์มือถือของเด็กๆได้เลย โดยเด็กทีเรียนแผนกสามัญแทบไม่มีใครใช้โทรศัพท์มือถือกันเลย

ส่วนแผนกสามภาษามีคนใช้โทรศัพท์มือถือบางประปรายแต่ราคาของโทรศัพท์มือถือก็เป็นยี่ห้อใหม่ๆที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมผิดกับนักเรียนแผนกอินเตอร์ที่เราจะเห็นได้ว่าเด็กนักเรียนมีโทรศัพท์มือถือกันตั้งแต่ชั้นประถม 1 กันเลยทีเดียวส่วนราคาของโทรศัพท์มือถือไม่ต้องพูดถึงราคาเกินหมื่นทั้งนั้น นี่จึงเป็นข้อแตกต่างให้เราเห็นได้อย่างชัดเจน